อีก 5 ปี ธุรกิจไหน ถ้าไม่มี Website อาจจะไปไม่รอด

3171
แบ่งปัน

Website ถือเป็นหัวใจสำคัญ ของการทำธุรกิจ ทุกประเภทในปัจจุบัน หรือจะเรียกได้ว่า เว็บไซต์ ก็คือ การมีตัวตนในโลกออนไลน์ และมันคือ หัวใจสำคัญ ของการทำ การตลาดออนไลน์ ( Online Marketing ) ที่ตอนนี้ มีการแข่งขันสูงมากๆ เพราะด้วยเว็บไซต์ ไม่ว่าเจ้าของธุรกิจหน้าใหม่ จะมีเงินทุนน้อยแค่ไหน ก็มีโอกาสเท่าเทียมกับ บริษัทยักษ์ใหญ่ เจ้าของตลาดได้ เพราะในโลกออนไลน์ มันคือความเท่าเทียมครับ ขึ้นอยู่กับว่า “ใคร” จะสามารถทำ Content Marketing ได้เหนือกว่ากัน เพราะบริษัทใหญ่ๆ ก็ใช่ว่าจะมีทีมงาน ที่มีความเชี่ยวชาญในการทำ เว็บไซต์ และเก่งในเรื่อง Online Marketing เสมอไปนะครับ ทุกวันนี้ ก็มีให้เห็นอยู่แล้ว ที่ธุรกิจเล็กๆ ไม่ว่าจะเป็น SME หรือ Startup ที่สามารถเข้ามา แย่งชิง ส่วนแบ่งการตลาด ในโลกออนไลน์ ได้อย่างสบายๆ แม้ว่าเรื่องของทุน หรือเงินลงทุน ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน แต่ใช่ว่า มีเงินเยอะแล้ว จะทำการตลาดได้ดีกว่าเสมอไปนะครับ มันขึ้นอยู่กับหลายๆ ปัจจัยอีกด้วย ธุรกิจไหน ที่มีเงินทุนน้อย ก็เอาความขยัน และการทำ SEO เข้ามาสู้ ก็ทดแทนกันได้ เช่นเดียวกัน ซึ่งนี่แหละครับ ความสนุกของการทำ การตลาดออนไลน์ ที่ทุกคน สามารถแข่งขันกันได้ ภายใต้กติกาเดียวกัน ซึ่งนับวัน ก็ยิ่งมีคนเข้ามาในโลกออนไลน์ มากขึ้น หลายเท่าตัว และในอีก 5 ปีข้างหน้า ทุกอย่าง จะก้าวเข้าสู่ระบบออนไลน์ อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งการซื้อสินค้า/บริการ การจ่ายเงิน การจัดเก็บและนับจำนวนสินค้า รวมทั้งการติดตามการส่งสินค้า จะเป็นระบบออนไลน์ ทั้งหมด ถ้าธุรกิจไหน หรือบริษัทไหน ยังไม่ให้ความสำคัญ กับการทำ การตลาดออนไลน์ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เว็บไซต์ ซึ่งถือเป็นหัวใจของการทำ Online Marketing ก็อาจจะมีปัญหา ยอดขายตก นำไปสู่การขาดทุน และอาจจะเจ๊งได้ในที่สุดนะครับ

เรื่องเด็ดห้ามพลาด  ทำไมต้องมี เว็บไซต์ ของบริษัทด้วยล่ะ ในเมื่อก็มี Facebook อยู่แล้ว

อีก 5 ปี ธุรกิจไหน ถ้าไม่มี Website

ในอีก 5 ปี ถ้าธุรกิจไหน ไม่มี Website หรือไม่ได้ทำการตลาดออนไลน์ อาจจะอยู่ไม่ได้

เมื่อโลกมันเปลี่ยนไป คนก็เปลี่ยนไป ถ้าธุรกิจไม่เปลี่ยนตาม มันก็อยู่ไม่ได้ครับ การขายของแบบ Local Marketing หรือ การขายของแบบเปิดร้าน เพื่อขายคนที่อยู่อาศัยในละแวกบ้านนั้น อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่ดีที่สุดอีกต่อไปแล้ว แม้จะเป็นแค่ร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ถ้าไม่มีการตลาดออนไลน์ เข้ามาช่วย ในอนาคต ก็อาจจะไปไม่รอด เพราะมีร้านอาหารอื่นๆ ที่ใช้การทำตลาด และประชาสัมพันธ์ในโลกออนไลน์ เข้ามาช่วยเหลือ จนแย่งลูกค้าไปหมด นี่ไม่ใช่การคาดเดาแบบมั่วๆ นะครับ ทุกวันนี้ มันก็กำลังเกิดขึ้นแล้ว กับธุรกิจประเภท Local Business หลายๆ ธุรกิจ ที่ขายของได้น้อยลง เพราะเจอคู่แข่ง ที่ทำการตลาดทางโลกออนไลน์ มาเบียดแซง แย่งลูกค้าไปหมด กว่าที่เจ้าของธุรกิจจะรู้ตัว ว่าจะต้องพัฒนาธุรกิจของตัวเอง ให้ทันสมัยขึ้น ด้วยการทำเว็บไซต์ และการทำ Online Marketing มันก็มักจะสายเกินแก้เสียแล้ว

สิ่งหนึ่งที่ทำให้ ธุรกิจดั้งเดิมในพื้นที่ ที่ผูกขาดลูกค้าในพื้นที่มานาน ( พื้นที่ระดับ ตำบล/อำเภอ ) ก็คือ ระยะเวลาในการทำธุรกิจ ที่เปิดมานาน ตั้งแต่ยังไม่มีคู่แข่ง มีฐานลูกค้ามาตั้งแต่หลายสิบปีที่แล้ว จนในปัจจุบัน ก็ยังมีลูกค้าประจำอยู่ ด้วยความทะนงตัว ในธุรกิจของตัวเอง ว่าเป็นเบอร์ 1 ในพื้นที่นี้มานาน จึงมักจะไม่ดูแลคุณภาพ ในเรื่องของการบริการ และราคา เพราะคิดว่า ไม่มีคู่แข่ง ไม่เห็นจะมีร้านไหนมาเปิดขายสู้ จึงไม่ค่อยให้ความสำคัญ ในเรื่องของคุณภาพการบริการ เท่าใดนัก ไม่ช้า ก็จะถูกคู่แข่งหน้าใหม่ ที่ใช้การทำเว็บไซต์ และการทำ การตลาดออนไลน์ เข้ามาเบียดแย่งลูกค้า โดยไม่จำเป็นต้องมาเปิดร้านแข่งในพื้นที่เลย ยกตัวอย่างง่ายๆ ทุกวันนี้ หลายธุรกิจก็แทบจะแย่อยู่แล้ว เมื่อเจอกับ Lazada ที่จำหน่ายสินค้า ราคาถูกกว่า แถมยังส่งให้ถึงหน้าบ้าน และเก็บเงินปลายทางอีก ร้านต่างๆ ในพื้นที่ ที่ทำการตลาดไม่เป็น ก็ขาดทุนกันมากมาย ยิ่งถ้าเป็นร้าน ที่เช่าพื้นที่ขายของอยู่ด้วยแล้ว ยิ่งนานวัน ก็ยิ่งขาดทุน ขายได้ไม่คุ้มค่าเช่าที่ จนต้องปิดตัวเองไปในที่สุด ยิ่ง Lazada มีระบบ Affiliate เข้ามาด้วย ยิ่งเพิ่มการโฆษณาประชาสัมพันธ์ให้กับ สินค้าที่ตัวเอง นำมาขายมากขึ้นไปอีก

เรื่องเด็ดห้ามพลาด  ค่าจ้างทําเว็บไซต์ ในราคาที่เหมาะสมนั้น ควรอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่

ถ้าเจ้าของธุรกิจ เข้าใจ เรื่องของการทำ การตลาดออนไลน์ ด้วยเว็บไซต์ เป็น หรือ มีผู้เชี่ยวชาญ ให้คำปรึกษา และดูแลด้าน การตลาดออนไลน์ให้ ส่วนใหญ่ที่ผมเจอมา สามารถสู้กับ Lazada ได้สบายๆ ครับ เพราะหลักการของ Lazada ก็คือ การกินค่าหัวคิว หรือฟันส่วนต่าง ซึ่งจริงๆ แล้ว ร้านยี่ปั๊ว หรือ ร้านขายของในพื้นที่ ที่รับสินค้ามาจากผู้ผลิตโดยตรง สามารถทำราคาต่ำกว่าได้อยู่แล้ว เพียงแต่ ที่ต้องเพิ่มราคาให้มากขึ้น ก็เพราะต้องบวกกำไร และค่าเช่าสถานที่เข้าไปด้วย จึงทำให้ มีราคาแพงกว่า ร้านค้าที่ขายออนไลน์ แต่ถ้าเจ้าของธุรกิจ แก้ไขได้ โดยมีผู้เชี่ยวชาญ การทำ การตลาดออนไลน์ เข้ามาช่วยให้คำปรึกษา และวางระบบให้อย่างถูกต้อง

อย่าว่าแต่ร้านค้าที่มีหน้าร้าน เป็นตึกแถวเลยครับ แม้แต่ร้านขายซูชิในตลาดนัด ก็สามารถแจ้งเกิด และโด่งดังขึ้นได้เช่นกัน มันอยู่ที่ว่า ได้คำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญตัวจริงหรือเปล่าเท่านั้น

การทำ Website ถือเป็นการลงทุนที่ต่ำมากๆ ถูกกว่าค่าเช่าที่ ตามตลาดนัด รวมกับค่าขนส่ง ค่าเดินทาง ค่าน้ำมัน ค่ากินต่างๆ ในตลาดเสียอีก ( เมื่อนับรวมกัน 365 วัน ) เพราะเว็บไซต์ เปิดออนไลน์ ตลอด 24 ชม. ไม่มีวันหยุดพัก ขายของได้ตลอดเวลา ไม่ต้องเสียค่าเช่าที่ ไม่ต้องใช้แรงงานใคร และที่สำคัญ คนทั่วโลก ( ย้ำว่า ทั่วโลก นะครับ ไม่ใช่แค่ในเมืองไทยเท่านั้น ) สามารถเข้าถึงได้ เท่ากับว่า สินค้า/บริการ ของเรา คนทั่วโลก สามารถเข้ามาดู และสั่งซื้อได้ จากที่เริ่มต้น ด้วยการขายปลีก ต่อไป ก็จะเปลี่ยนเป็นการขายส่ง ที่มีกำไรมากขึ้น และเป็นเจ้าของแฟรนไชส์ได้ ในที่สุดนั่นเอง

เรื่องเด็ดห้ามพลาด  คนทำเว็บไซต์ ต้องรู้เรื่อง กฏหมายลิขสิทธิ์ ให้ดี

การมี Website คือการ สร้างตัวตน ที่น่าเชื่อถือ ในโลกออนไลน์ น่าเชื่อถือว่า การมีเพจ Facebook หลายเท่า ยิ่งถ้าได้รับการรับรอง จาก กรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ด้วยแล้ว ยิ่งน่าเชื่อถือมากขึ้นไปอีก ไม่ต้องโฆษณาอะไรมากมาย มีตัวตน ตรวจสอบได้จริง แค่นี้ ก็ตัดปัญหา เรื่องความกังวลของลูกค้า ที่จะถูกโกงได้แล้ว

นอกจากนี้ ยังมีเรื่องของการ โปรโมทเว็บ และการทำ SEO เพื่อให้เว็บติดหน้าแรก Google และยังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย ที่ต้องทำพร้อมๆ กัน ไม่ว่าจะเป็น การทำ Social Media Marketing และ การทำ Branding อีก ผมถึงได้บอกไงครับ ว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เลย ที่เจ้าของธุรกิจ จะลงมาเล่นเองทุกอย่าง ควรมีที่ปรึกษา และดูแลเรื่องพวกนี้ให้เลย จะดีที่สุด หรือไม่ ก็จ้างที่ปรึกษามาให้คำปรึกษา และวางระบบทุกอย่างเอาไว้ให้ ก็ได้เช่นกัน ซึ่งผมเอง ก็ให้คำปรึกษากับธุรกิจมาหลากหลายประเภทมากๆ ยืนยันได้ว่า สู้กับคู่แข่งได้ และแจ้งเกิดได้แน่นอนครับ

แบ่งปัน
บทความก่อนหน้านี้ค่าจ้างทําเว็บไซต์ ในราคาที่เหมาะสมนั้น ควรอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่
บทความถัดไปวางแผนทำ ธุรกิจส่วนตัว ด้วยอินเทอร์เน็ตอย่างไร ให้ประสบความสำเร็จ
คุณหนึ่ง Founder & CEO ของ บริษัท แอพเทพ (ประเทศไทย) จำกัด เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านไอที โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ทางด้านการทำ Internet Marketing สำหรับธุรกิจออนไลน์ จบการศึกษาสาขา Computer Programming โดยตรงจากประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อปี 2007 และทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ โดยเน้นงานด้าน Computer Security เป็นหลัก โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Penetration Testing ต่อมาได้เริ่มงานใหม่โดยการเป็น Web Developer ที่เน้นการทำ SEO และ Digital Marketing ที่ช่วยเพิ่มยอดขาย และเพิ่มจำนวนคนเข้าเว็บไซต์มากขึ้น จนได้เปิดบริษัท แอพเทพ (ประเทศไทย) จำกัด ขึ้นเพื่อรับทำเว็บไซต์ สอนทำเว็บไซต์ และให้คำปรึกษาในการทำการตลาดออนไลน์ ให้กับบุคคลทั่วไป ร้านค้า บริษัท หน่วยงานของภาครัฐและเอกชน